วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การคุมกำเนิดหลังคลอด

การคุมกำเนิดหลังคลอด
       สวัสดีคร่าาาาา  ทุกคน ขอบคุณทุก ๆ วิว ที่เข้ามาเยี่ยมชมเลยนะคะ แม่กุ๊กห่างหายไปนานไม่ได้ทิ้งบล็อกไปไหนแต่ตั้งแต่เจ้าตัวโตเข้าเนอสเซอรี่ก็พากันป่วยงอมแงมทั้งคู่ เล่นเอาแม่กุ๊กเสียเซลฟ์ไปพักนึงเลยทีเดียว หน้าตาแม่ทรุดโทรมจากการอดหลับอดนอน พยาบาลลูกน้อย จนตอนนี้ต้องมาซ่อมเซลล์กันยกใหญ่ เข้าบล็อกมาแอบไปเช็คสถิติมานิสนึงค่ะนิสนึง โอวแม่เจ้า สถิติเราไม่เบานะนี่ ดีใจมากมายค่ะ ที่บทความเหล่านี้เป็นประโยชน์และเป็นที่น่าสนใจกับทุกคน
     เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนี้มีเรื่องราวแห่งความทรงจำ ที่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่า มันคือเรื่องดีหรือไม่ดี ตอนเพิ่งเกิดแม่กุ๊กก็ว่ามันไม่ดีเลย แต่ ณ วันนี้แม่กุ๊กรู้สึกว่า ดีจังเลย เอาเป็นว่ามันคือปะสบการณืน่าตื่นเต้นละกันค่ะ นั่นก็คือ การท้องเจ้าตัวน้อยคนที่สอง มันก็ฟังดูว่าจะดี ทำไมแม่กุ๊กถึงสับสนน่ะเหรอคะ ก็แม่กุ๊กท้องทันทีหลังคลอดคนแรกได้แค่ 2 เดือน   เห็นไม๊ล่ะ ว่ามันทำให้สับสนได้น๊าาา ตอนท้องแรกได้มีโอกาสไปอบรมการคลอด กะบรรดาแม่ ๆ ฝรั่งแถวบ้าน คุณหมอย้ำๆๆๆๆจัง ว่าให้ระวังหลังคลอด เพราะมีโอกาสติดลูกง่ายมั่กมาก เราฟังแล้วก็ ชิ คงไม่ถึงเราร๊อก มันไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ขนาดน๊านนน ไงล่ะ ตัวเธอ อิอิ ก็เลย ชิลล์มาก ๆ จนเจ้ามัทเทียอายุได้ 5 เดือน เพื่อนมากินกาแฟที่บ้าน คุยกันตลก ๆ ว่า ท้องอีกเลยดีกว่า เลยนึกได้ว่าาเมนส์เราไม่มานี่นา แต่แอบคิดว่าคงปกติ หลังคลอด เมนส์กำลังปรับตัว เพื่อนบอกว่าลองตรวจสิไม่แน่น๊ามีเจ้าตัวน้อยมารออีกแล้วมั๊ง ก็ยังหัวเราะกัน มีที่ตรวจเหลืออยู่อันนึง ไปเอามาตรวจขำ ๆ กันดีกว่า เหมือนดารา ต้องแก้ข่าวด้วยการตรวจออกสื่อ อิอิ ก็เข้าไปตรวจ พอได้ผลตรวจจากอาการร่าเริงก็ซีด ย้ำ ซีดๆๆๆ ซีดไร้สติเจ้าค่า ท้องค่ะท้อง เป็นไปได้ไง แผลเรายังไม่ทันหายเลย (แอบเรทเอกซ์นิสนึง แผลฝีเย็บของแม่กุ๊กหายช้ามาก เจ็บแบบกางขาก็ยังไม่ค่อยจะได้ เรื่องอุ๊อิ๊งุงิ ลืมไปได้เลย แต่ก็มีบ้างลอง ๆ เพื่อดูว่าแผลหายยังก็ไม่สำเร็จ) เพื่อนปลอบใจว่าที่ตรวจพลาด เอางี้เดี๋ยวพรุ่งนี้เพื่อนจะมากินกาแฟอีกที แล้วซื้อที่ตรวจมาฝากด้วย คราวนี้เอาแบบดิจิตอล บอกได้ด้วยว่าท้องมานานเท่าไรแล้ว เอ๊า จัดไป ผลบอกเลยว่าท้องมา 3 เดือนแล้ว แม่เจ้า  ไม่เชื่อเฟ้ย มันพลาดได้ 0.01% เราอาจเป็นคนนั้น (พอถึงตอนนี้อยากเป็นคนส่วนน้อยขึ้นมาทันที 555) ไปตรวจเลือดดีกว่าต้องตรวจเลือด อ่ะจึ๊ยค่า hcg สูงปรี๊ดดด  ถึงตอนนี้คงใช่แล้วล่ะ ชิ ต้องรีบบอกคุณสามีจะได้มาช่วยกันเครียด เราไม่เอาเปรียบกันอยู่แล้นน  คุณสามีช็อค อึ้ง ๆๆๆ จากนั้นบรรยากาศในบ้านก็มาคุ เงียบมาก ๆ เป็นเวลา 1 อาทิตย์ คำถามมากมาย เราจะทำไงต่อไป จะเอาไว้ไม๊ จะบอกคนอื่นยังไงว่าเราท้องอีกแล้ว ที่ทำงานล่ะเค้าจะว่าเรามั๊ย  จะบอกว่าการท้องในลักษณะนี้ การบอกคนอื่นเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด อารมณ์เดียวกับท้องตอนเรียนไม่จบงั้นเลย คุยกันกะคุณสามีก็ไม่เข้าใจกัน จนสุดท้ายตัดสินใจ จิตเเพทย์ช่วยท่านได้ พากันไปทั้งคู่ ทำไมน่ะเหรอคะ เพราะจิตแพทย์นี่มีประโยชน์ต่อสถานบันครอบครัวนะตัวเธอ อย่าหลีเลี่ยง เค้าไม่ได้มาแก้ปัญหาให้เรา แต่เค้าทำให้เราได้คุยกันอย่างเปิดอก ถ้าคุยกันที่บ้านเดี๋ยวก็ขัดขากัน คุยต่อหน้าหมอ มีคนจัดคิว ประมาณกรมการห้ามมวย แล้วจิตเเพทย์ก็มีวิธีถามคำถามที่ทำใก้อีกฝ่ายฟังแล้วรู้ว่า อ่อ เค้าคิดอย่างนี้ สรุปว่า สามีกลัวว่าเราจะไม่ไหวเพราะอยู่ที่นี่ไกลบ้านจริงๆ -*- ไม่มีคนช่วย ส่วนเราเองก็กลัวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นในอนาคตจะมาโทษว่าเราตัดสินใจคนเดียว ของงี้เกิดขึ้นได้นะคะคุณขา หลังจากเปิดใจกันก็เข้าใจกัน ตกลงเอาเจ้าตัวน้อย ๆ ไว้ แต่ไงเราก็เอาไว้อยู่เเล้ว เพียงแต่ไม่อยากให้เกิดปัญหาในอนาคต เห็นไม๊คะ ร่ายมาซะยาว ทีนี้เห็นความสำคัญของการคุมกำเนิดหลังคลอดกันรึยัง ถ้าเห็นแล้วไปอ่านกันเลย
การคุมกำเนิดหลังคลอด


          หากคุณกำลังมีลูกวัยแบเบาะ เซ็กซ์คงเป็นเรื่องสุดท้ายที่คุณคิดถึง แต่ก็ต้องระวังเอาไว้อยู่ดี เพราะคุณคงยังไม่อยากมีลูกตัวแดงๆ เพิ่มขึ้นมาอีกคนตอนนี้หรอกน่า
อย่ามองข้ามเรื่องการคุมกำเนิดหลังคลอดเด็ดขาด เพราะคุณไม่รู้ว่าอารมณ์พิสวาสจะพุ่งพรวดขึ้นมาตอนไหน และถ้าเกิดพลาดพลั้งจนถึงขั้นมีเจ้าตัวเล็ก (อีกคน)ขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้คุณช็อกสุดๆ เพราะคิดไม่ถึงว่าร่างกายของคุณจะพร้อมสำหรับการมีลูกได้รวดเร็วขนาดนี้  ขณะที่ผู้หญิงบางคนมีความเชื่อว่าตราบใดที่ยังให้ลูกกินนมแม่ จะสามารถคุมกำเนิดได้ เพราะการให้ลูกกินนมแม่  ทำให้มีการชะลอการตกไข่ของรังไข่ให้เนิ่นนานออกไป ราว 9 สัปดาห์หลังคลอด ไปจนถึง 18 เดือน   แต่ทฤษฎีดังกล่าวเชื่อถือได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะมีคุณแม่หลายรายที่เกิดตั้งครรภ์ระหว่างให้นมลูก หรือตั้งครรภ์ทั้งที่ประจำเดือนยังไม่กลับมาด้วยซ้ำ
ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากตั้งท้องอีกทั้งที่เพิ่งเบ่งคลอดลูกคนก่อนมาหยกๆ คุณอาจต้องเริ่มคิดถึงการคุมกำเนิดร่วมด้วย พูดคุยกับแพทย์ตอนไปตรวจหลังคลอด 6 สัปดาห์ ส่วนจะเลือกวิธีการใดนั้น คงไม่ต่างจากสมัยก่อนตั้งท้อง ทว่าผู้หญิง 30 % กลับพบว่าวิธีคุมกำเนิดที่เลือกสมัยก่อนตั้งท้องไม่เหมาะกับตัวเองอีกต่อไป และการคุมกำเนิดบางประเภท เช่น ยาคุมกำเนิด อาจไม่เหมาะกับแม่ที่ให้นมลูก งั้นจะทราบได้อย่างไรว่าวิธีใดเหมาะสมกับคุณมากที่สุด M&B มีคำแนะนำมาให้คุณดังนี้...
The Mirena Coil
คืออะไร? เป็นห่วงคุมกำเนิด (Intrauterine System (IUS)) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้สอดเข้าไปในมดลูกของผู้หญิง โดยห่วงคุมกำเนิดดังกล่าวจะปล่อยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนออกมาและขัดขวางการเติบโตของเยื่อบุผนังมดลูก ทำให้เชื้ออสุจิไม่สามารถเจาะเข้าไปในเยื่อบุปากมดลูก นอกจากนี้ยังไปขัดขวางไม่ให้เชื้ออสุจิที่ได้รับการผสมแล้วเกาะติดผนังมดลูกได้
ดีอย่างไร? ถือเป็นทางเลือกใหม่ของการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดจึงมีการรวมเอาข้อดีของฮอร์โมนคุมกำเนิดมารวมกับข้อดีของห่วงอนามัย ซึ่งมดลูกหลังคลอดสามารถรองรับอุปกรณ์ที่สอดเข้าไปได้โดยไม่สร้างความรู้สึกเจ็บปวด และการปล่อยฮอร์โมนเพียงเล็กน้อยออกมา ถือได้ว่ามีผลข้างเคียงน้อยมาก สามารถใช้ได้เป็นเวลาประมาณ 5 ปี และเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีความน่าเชื่อถือค่อนข้างสูง 
ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
คืออะไร? ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมประกอบไปด้วย ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน มีทั้งแบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ด โดยในแบบ 28 เม็ด จะเป็นเม็ดที่มีฮอร์โมน 21 เม็ด อีก 7 เม็ดเป็นเม็ดที่ไม่มีฮอร์โมนกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์คือยับยั้งไม่ให้เกิดไข่ตก เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะแก่การฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว และทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว ส่งผลให้ตัวอสุจิผ่านได้ยาก ตัวอย่างของยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีขายทั่วไป ได้แก่ Microgynon 30, Cileste  และ Marvelon
ดีอย่างไร? สะดวกและค่อนข้างมีประสิทธิภาพ  จัดเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่น เพราะถึงลืมกินยาก็ยังมีเวลาอีก 12 ชั่วโมงให้กินตามได้ แต่ปรากฏหลักฐานจากงานวิจัยหลายฉบับที่บ่งชี้ว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดปริมาณน้ำนมแม่ ดังนั้นแพทย์จึงมักจะเสนอทางเลือกอื่นจนกว่าคุณจะหย่านมลูก นอกเหนือจากนี้ยังอาจเกิดผลข้างเคียงเนื่องจากปริมาณฮอร์โมน เอสโตรเจนที่สูงเกินไป ได้แก่ คลื่นไส้, ปวดศีรษะ, เป็นฝ้า, ประจำเดือนมามากกว่าปกติ, ปวดประจำเดือน, เจ็บคัดเต้านม และเส้นเลือดอุดตัน และผลจากปริมาณฮอร์โมน โปรเจสเตอโรนที่สูงเกินไป ได้แก่ น้ำหนักเพิ่ม, เป็นสิว, หน้ามัน, เต้านมเล็ก และ ประจำเดือนมาน้อย
ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิด Mini-pill
คืออะไร? เป็นยาเม็ดที่มีส่วนผสมโปรเจสเตอโรนอย่างเดียวเท่ากันทุกเม็ด ไม่มีเอสโตรเจน กลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ คือ ทำให้มูกที่มดลูกเหนียวข้น ตัวอสุจิผ่านยากเยื่อบุโพรงมดลูกบางและฝ่อ ไม่เหมาะสมแก่การฝังตัวของตัวอ่อน และยับยั้งการตกไข่ 
ดีอย่างไร? เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมได้หรือผู้ที่กำลังให้นมบุตรโดยสามารถเริ่มทานได้เลยหลังคลอด 21 วันและเห็นผลในทันที เริ่มทานยาแผงแรกในวันแรกของการมีประจำเดือน ทานทุกวัน วันละ 1 เม็ด เวลาเดียวกัน จนหมดแผง และทานต่อเนื่องแม้จะมีประจำเดือน ผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย และเหมาะกับผู้ที่สูบบุหรี่หรืออายุเกิน 35 ปี
ยาฉีดคุมกำเนิด
คืออะไร? เป็นยาฉีดคุมกำเนิดที่ค่อยๆ ปล่อยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเข้าไปในกระแสเลือดเพื่อยับยั้งการตกไข่ และทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้น ไม่เหมาะสมต่อการเคลื่อนที่ของเชื้ออสุจิ
ดีอย่างไร? เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากทานยาทุกวัน เพราะฉีดครั้งหนึ่งสามารถคุมกำเนิดได้ 3 เดือน และไม่ส่งผลข้างเคียงแม้กำลังให้นมบุตร ข้อเสียคืออาจมีเลือดออกมากในตอนแรกแต่ไม่มีผลข้างเคียงอื่นๆ แต่อาจกินเวลานานเกือบ 8 เดือนกว่าจะกลับมาตั้งครรภ์ได้เหมือนเดิม ดังนั้นต้องคำนึงเรื่องนี้ด้วยเวลาวางแผนครอบครัว
ยาฝังคุมกำเนิด
คืออะไร? เป็นยาคุมกำเนิดชั่วคราวชนิดฝังคุมกำเนิด มีตัวยาเช่นเดียวกับยาฉีดคุมกำเนิด คือเป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสังเคราะห์ มีลักษณะเป็นผงบรรจุในหลอดขนาดเล็กแล้วนำมาฝังใต้ผิวหนัง ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะค่อยๆ กระจายเข้าไปในกระแสเลือดเพื่อป้องกันไข่สุก และทำให้เมือกบริเวณปากมดลูกข้นเหนียว ส่งผลให้อสุจิผ่านได้ยากยิ่งขึ้น ยาฝังคุมกำเนิดสามารถคุมกำเนิดได้นานราว 1 – 5 ปี
ดีอย่างไร? สะดวกและมีประสิทธิภาพสูง ใช้เวลาในการฝังแค่ไม่กี่นาที (ต้องฉีดยาชาก่อน) สามารถคุมกำเนิดได้นาน 1-5 ปี ผลข้างเคียงน้อยมากเหมาะสำหรับผู้ที่ให้นมบุตร หรือต้องการหวนกลับไปมีเซ็กซ์หลังคลอดเร็วขึ้น เพราะสามารถเริ่มฝังได้ภายหลังคลอดไปแล้วราว 21 วัน
ถุงยางคุมกำเนิด
คืออะไร? เป็นเครื่องมือคุมกำเนิดแบบชั่วคราวที่ไม่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ ถุงยางคุมกำเนิดสมัยนี้ ส่วนมากทำด้วยยางลาเท็กซ์ (Latex) ซึ่งมีคุณภาพดี  บางแต่ยืดหยุ่นได้มาก กลไกป้องกันการตั้งครรภ์คือป้องกันการหลั่งน้ำอสุจิเข้าสู่ช่องคลอด
ดีอย่างไร? ประสิทธิภาพเกือบ 100 % (ถ้าไม่แตกหรือรั่ว) และไม่มีผลข้างเคียงนอกจากในกรณีคุณแพ้ยางลาเท็กซ์ เหมาะกับสตรีที่ไม่อยากรับฮอร์โมนใดๆ เข้ามาในร่างกาย อันเนื่องมาจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้  
คุณมีโอกาสตั้งครรภ์ได้หรือไม่ตอนช่วงให้นมลูก?
ดร.ไมล์ ลีวี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อ จาก Leicester Royal ตอบคำถามดังกล่าวว่า...“คำตอบสั้นๆ คือ ได้  เนื่องจากเวลาที่คุณให้นมลูก ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนโปรแลคตินซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นต่อมน้ำนมให้สร้างน้ำนมเพื่อเลี้ยงทารก ระดับโปรแลคตินจะสูงในขณะตั้งครรภ์และขณะให้นมบุตร และยับยั้งการหลั่งของ FSH (Follicle stimulating hormone) และ LH  (Luteinizing hormone) ซึ่งทำหน้าที่สร้างไข่และกระตุ้นให้ไข่ตก ทำให้การผลิตฮอร์โมนจากรังไข่ลดลงและไม่ตกไข่  ถ้าคุณให้นมลูกและยังไม่มีประจำเดือน โอกาสตั้งท้องถือว่าน้อยมาก แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่าคุณจะไม่ตั้งท้อง ดังนั้นควรใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นควบคู่ไปด้วย”
วิธีการคุมกำเนิด

1.งดการมีเพศสัมพันธ์ในระยะ ไม่ปลอดภัย
ระยะไม่ปลอดภัย
- วันที่ 9-17 ของรอบระดู เนื่องจากเป็นช่วงที่ ไข่ตก (ovulation)
- อุณหภูมิ ร่างกายสูงขึ้น 0.2 -0.4 องศา เซลเซียส
ระยะปลอดภัย มี 2 ช่วง
- 7 วัน ก่อนมีประจำเดือน
- 7 วัน หลังมีประจำเดือน

2. ห้ามไข่ตก ( hotmonal contraception )
เช่น การใช้ ยาเม็ดคุมกำเนิด ซึ่งเราจะพูดถึง ในลำดับต่อไป

3. ขัดขวางการผสม
เช่น การใช้ถุงยางอนามัย

4. ขัดขวางการเจริญของไข่ที่ถูกผสม เเล้ว
เช่น การใสห่วงอนามัย

5. การทำหมัน ( sterilization )

ซึ่ง มีทั้งการทำหมันหญิง


เเละ การทำหมันชาย นอกจากนี้ก็ยังอาจจะรวมไปถึง การหลั่งนอก ( coitus interruption )
ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด เมื่อเรียงจาก น้อยไปมาก


Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More